นโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ต่อปี จาก 2% เป็น 2.25% ต่อปี ซึ่งนับเป็นดอกเบี้ยที่สูงสุดในรอบ 9 ปีของไทย (ข้อมูลจากปี 2566) ซึ่งทำให้เพิ่มภาระให้กับประชาชนที่ทำการยื่นกู้ซื้อบ้านมากขึ้นอีก และการรีไฟแนนซ์บ้านก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะมาช่วยลดภาระให้คุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณผ่อนบ้านมาแล้ว 3-5 ปี จะยิ่งคุ้มค่าในการทำรีไฟแนนซ์ ตามไปอ่านกันได้ในบทความนี้
รีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านคืออะไร?
การรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน คือ การย้ายสินเชื่อจากธนาคารเดิมไปยังธนาคารใหม่ โดยปกติธนาคารจะมีโปรโมชันดอกเบี้ยต่ำสำหรับ 3 ปีแรก พอหลังจากนั้น ดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้นตามเงื่อนไข จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าของบ้านหลาย ๆ คนเลือกรีไฟแนนซ์ทุก ๆ 3-5 ปี เพื่อประหยัดดอกเบี้ยและลดค่างวดในแต่ละเดือน
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน
การรีไฟแนนซ์มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น:
-
- ลดดอกเบี้ยและค่างวดรายเดือน: การย้ายไปธนาคารที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่าช่วยลดค่างวดรายเดือนได้มาก ทำให้มีเงินเหลือใช้ในแต่ละเดือนมากขึ้น
- ประหยัดดอกเบี้ยรวมตลอดอายุสัญญา: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าจะช่วยลดดอกเบี้ยรวมที่ต้องจ่ายทั้งหมดตลอดอายุสัญญา ทำให้บ้านมีต้นทุนถูกลงในระยะยาว
- เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน: การลดค่างวดรายเดือนช่วยเพิ่มเงินสำหรับใช้จ่ายในเรื่องอื่น ๆ เช่น การซ่อมแซมบ้าน หรือการลงทุนอื่น ๆ
ข้อเสียและข้อควรระวังในการรีไฟแนนซ์
ถึงแม้การรีไฟแนนซ์จะดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดี แต่ก็ควรพิจารณาข้อเสียดังนี้:
-
- ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์: เช่น ค่าประเมินทรัพย์สิน ค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมการกู้ยืม และค่าธรรมเนียมปลดภาระจำนองเดิม ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจทำให้การรีไฟแนนซ์มีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายมากในตอนแรก
- การขยายระยะเวลาผ่อน: การรีไฟแนนซ์อาจทำให้คุณขยายระยะเวลาผ่อนชำระมากขึ้น ส่งผลให้ดอกเบี้ยรวมที่จ่ายทั้งหมดอาจสูงขึ้น
- ผลกระทบต่อคะแนนเครดิต: การขอสินเชื่อใหม่อาจทำให้คะแนนเครดิตลดลงในช่วงสั้น ๆ โดยเฉพาะหากยื่นขอหลายครั้งในเวลาที่ใกล้เคียงกัน
ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนรีไฟแนนซ์
ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์ มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา:
-
- อัตราดอกเบี้ยใหม่ที่คุ้มค่ากว่า: ตรวจสอบว่าดอกเบี้ยใหม่ที่ได้มาจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้จริง
- ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์: เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมทั้งหมดเพื่อดูว่าการรีไฟแนนซ์ครั้งนี้คุ้มค่าหรือไม่
- ระยะเวลาผ่อนชำระที่ต้องการ: คำนึงถึงระยะเวลาการผ่อนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามดอกเบี้ยใหม่ที่ได้รับ
วิธีการรีไฟแนนซ์และขั้นตอนการดำเนินการ
หากคุณพิจารณาแล้วว่าการรีไฟแนนซ์คุ้มค่า นี่คือขั้นตอนเบื้องต้น:
-
- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไข: ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารหลายแห่ง เปรียบเทียบเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมทั้งหมด
- เตรียมเอกสาร: เช่น หลักฐานรายได้ บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน และเอกสารทางการเงินอื่น ๆ
- ติดต่อธนาคารใหม่และธนาคารเดิม: หากเลือกธนาคารได้แล้ว ให้ติดต่อธนาคารเดิมเพื่อตรวจสอบเงื่อนไขการปิดบัญชีสินเชื่อ และเตรียมดำเนินการโอนหนี้ไปยังธนาคารใหม่
คุณสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนในการยื่นไฟแนนซ์ทั้งหมดได้ในบทความ รีไฟแนนซ์คอนโดต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
การรีไฟแนนซ์คุ้มจริงไหม
การรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านสามารถช่วยทุ่นค่าใช้จ่ายได้มาก โดยเฉพาะในเรื่องดอกเบี้ย ซึ่งอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายรายเดือนได้ เมื่อเทียบกับการปล่อยให้ดอกเบี้ยเดิมปรับขึ้นตามเงื่อนไขหลังหมดโปรโมชั่น แต่ก็ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่คุณจะได้มาและวงเงินที่เหลือของสินเชื่อบ้าน ดูยกตัวอย่างการประหยัดดอกเบี้ยได้ด้านล่าง:
สมมติว่าคุณมีสินเชื่อบ้านวงเงิน 3 ล้านบาท ดอกเบี้ยอยู่ที่ 5% ต่อปี และเหลือระยะเวลาผ่อนชำระอีก 20 ปี โดยค่าใช้จ่ายก่อนและหลังรีไฟแนนซ์จะเป็นดังนี้:
1. ดอกเบี้ยเดิม (5%)
-
- ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย: 3,000,000 × 5% = 150,000 บาทต่อปี
- ค่างวดต่อเดือน (คร่าวๆ) ประมาณ 19,800 บาท
2. รีไฟแนนซ์ได้ดอกเบี้ยใหม่ที่ 3% ต่อปี
-
- ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย: 3,000,000 × 3% = 90,000 บาทต่อปี
- ค่างวดต่อเดือน (คร่าวๆ) ประมาณ 16,600 บาท
ผลลัพธ์:
-
- ลดดอกเบี้ยได้ประมาณ 60,000 บาทต่อปี หรือประมาณ 5,000 บาทต่อเดือน
- หากยังผ่อนอีก 20 ปี จะช่วยลดดอกเบี้ยรวมไปได้กว่า 1,200,000 บาท
ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์
-
- ค่าจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่: ประมาณ 0-1% ของวงเงิน (สูงสุดประมาณ 30,000 บาท)
- ค่าจดจำนอง: 1% ของมูลค่าจำนอง (30,000 บาท สำหรับวงเงิน 3,000,000 บาท)
- ค่าประเมินราคาหลักประกัน: ประมาณ 2,500 บาท – 25% ของราคาประเมิน
- ค่าประกันอัคคีภัย: ประมาณ 2,000 บาท (ทำทุก 1-3 ปี)
- ค่าอากรแสตมป์: 0.05% ของวงเงิน (ประมาณ 1,500 บาท)
- ค่าขอเอกสารหลักฐานแสดงรายได้: ประมาณ 200 บาทต่อบัญชี
- ค่าเบี้ยประกัน MRTA: ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข แต่เป็นตัวเลือกว่าจะทำหรือไม่
จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 60,000 – 70,000 บาท ซึ่งในกรณีนี้ คิดเป็นค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียวเมื่อเทียบกับการประหยัดดอกเบี้ยได้ 60,000 บาทต่อปี
หากมองในระยะยาวที่การรีไฟแนนซ์นี้จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้ประมาณ 1,200,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่เหลือ อีกทั้งค่าใช้จ่ายการรีไฟแนนซ์อยู่ที่ประมาณ 60,000 – 70,000 บาท ซึ่งจะคุ้มทุนจากเงินที่ประหยัดได้ภายในปีแรกหรือปีที่สอง
สมัครสินเชื่อ กับ สบายใจแคปปิตอล อนุมัติไว ไม่โอนเล่ม กู้เงินด่วนได้เงินภายในวัน เอกสารไม่เยอะ ไม่ตรวจบูโร ไม่ค้ำ รถยังมีขับ โปร่งใสและเชื่อถือได้
นึกถึงเงินก้อน ต้อง สบายใจแคปปิตอล
สรุป
การรีไฟแนนซ์ทุกๆ 3-5 ปีนั้น ถือว่าคุ้มค่า เนื่องจากผลประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาวจะมากกว่าค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์อย่างชัดเจน แต่ก็ควรเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์กับการรีเทนชั่นกับธนาคารเดิมด้วย เพราะทางธนาคารเดิมอาจจะให้ข้อเสนอที่คุ้มค่ากว่าการเสียเวลาและเสียเงิน 60,000 – 70,000 บาท ในการทำรีไฟแนนซ์ ทางสบายใจ แคปปิตอลก็บริการทำรีไฟแนนซ์สำหรับบ้านและคอนโด ที่ให้ดอกเบี้ยถูกมาก และยืดระยะเวลาผ่อนได้นาน แถมยังปรึกษาได้ฟรีอีกด้วย ทักมาที่เฟสบุ๊คของเราได้เลย
บทความล่าสุด
Easy E-Receipt 2.0 เปลี่ยนใบเสร็จของคุณให้กลายเป็นเงินคืน
ช้อปปิ้งแล้วได้ลดหย่อนภาษีด้วย!...
อยากได้เงินด่วน จำนำเล่มทะเบียนรถยนต์ ได้วงเงินเท่าไร?
เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินต้องการเงินด่วน...
เปรียบเทียบความคุ้มครองระหว่าง พรบ.กับประกันภัยรถยนต์
เมื่อพูดถึงการขับขี่รถยนต์ในประเทศไทย...