ช้อปปิ้งแล้วได้ลดหย่อนภาษีด้วย! ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น การจัดการเอกสารและข้อมูลต่างๆ ก็ง่ายขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องการจัดการใบเสร็จ ที่มักจะสร้างความยุ่งยากให้กับผู้บริโภค แต่วันนี้เรามีทางออกที่สะดวกสบายและคุ้มค่ากับโครงการ “Easy E-Receipt 2.0″ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงระบบจัดเก็บใบเสร็จแบบดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังสามารถเปลี่ยนใบเสร็จของคุณให้กลายเป็นเงินคืนที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ได้อีกด้วย
Easy E-Receipt 2.0 คืออะไร?
โครงการ Easy E-Receipt 2.0 เป็นโครงการดีๆ จากรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ที่ได้จากการซื้อสินค้าหรือบริการมาใช้เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีได้ง่ายๆ เพียงแค่คุณขอใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์จากร้านค้าที่ร่วมโครงการ
ทำไมต้อง Easy E-Receipt 2.0?
- สะดวก รวดเร็ว: ไม่ต้องเสียเวลาเก็บใบเสร็จกระดาษให้ยุ่งยากอีกต่อไป เพียงแค่เก็บใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในมือถือหรืออีเมล
- ลดหย่อนภาษีได้จริง: ช่วยให้คุณประหยัดเงินจากการลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น
- สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย: การใช้ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น
- ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม: ลดการใช้กระดาษในการออกใบเสร็จ
สมัครสินเชื่อ กับ สบายใจแคปปิตอล อนุมัติไว ไม่โอนเล่ม กู้เงินด่วนได้เงินภายในวัน เอกสารไม่เยอะ ไม่ตรวจบูโร ไม่ค้ำ รถยังมีขับ โปร่งใสและเชื่อถือได้
นึกถึงเงินก้อน ต้อง สบายใจแคปปิตอล
ใครบ้างที่ใช้สิทธิได้?
โครงการนี้เปิดโอกาสให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ ไม่ว่าคุณจะมีรายได้มากหรือน้อยก็ตาม เพียงแค่คุณมีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกต้อง แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
ลดหย่อนได้เท่าไหร่?
ในปี 2568 จะแตกต่างจากเดิมในเรื่องของการแบ่งวงเงินลดหย่อน และเงื่อนไขการใช้ โดย Easy E-Receipt 2.0 ในปี 2568 จะได้วงเงินที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาทเท่าเดิม แต่จะเพิ่มการแบ่งการใช้วงเงินออกเป็น 2 ส่วน คือ 30,000 บาท สำหรับใช้ซื้อสินค้าและบริการทั่วไปตามที่กำหนด และวงเงินอีก 20,000 บาท สำหรับใช้จ่ายร้านวิสาหกิจชุมชน SMEs และร้านค้า OTOP ที่อยู่ในระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์
สินค้าและบริการอะไรบ้างที่เข้าร่วมโครงการ?
สินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการมีหลากหลายประเภท เช่น อาหาร เครื่องดื่ม สินค้า OTOP สินค้าจากวิสาหกิจชุมชน และอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนทำการซื้อสินค้าหรือบริการ คุณสามารถสอบถามกับทางร้านค้าได้ว่ามีการออกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์หรือไม่ หรือสามารถตรวจสอบรายชื่อร้านค้าที่ได้รับอนุมัติให้ออก e-Tax Invoice หรือe-Receipt ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร https://etax.rd.go.th/ETAXSEARCH/normal_person.html ได้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568
หรือสังเกตร้านค้าที่มีป้ายสัญลักษณ์

วิธีการใช้สิทธิ
- ขอใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์: เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการ ให้ขอใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์จากทางร้านค้า
- เก็บรักษาใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์: เก็บใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำไปใช้ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: ในขั้นตอนการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คุณจะต้องนำใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้มาแนบไปกับแบบแสดงรายการภาษี
ระยะเวลาโครงการ
ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เท่านั้น (ยื่นภาษีปี 2569)
เคล็ดลับการใช้สิทธิให้คุ้มค่า
- วางแผนการจับจ่าย: วางแผนการซื้อสินค้าและบริการล่วงหน้า เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการ
- เลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าที่ร่วมโครงการ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าร้านค้าที่คุณเลือกซื้อสินค้ามีการออกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์
- เก็บรักษาใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ให้ดี: เพื่อป้องกันการสูญหายหรือเสียหาย
สรุป
Easy E-Receipt 2.0 เป็นอีกก้าวสำคัญของการผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับการจัดการภาษี โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการใบเสร็จ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้รับสิทธิประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีได้อย่างคุ้มค่า พร้อมทั้งสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจชุมชน และร้านค้า OTOP ที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ ผู้ใช้สิทธิควรวางแผนการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ และตรวจสอบเงื่อนไขเพื่อใช้ประโยชน์จากโครงการด้วยนะคะ