การขายฝากเป็นทางเลือกที่หลายคนมองว่า เป็นวิธีที่รวดเร็วในการหาเงินก้อนใหญ่ในกรณีฉุกเฉิน แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะเรื่องการสูญเสียทรัพย์สิน ในกรณีที่คุณไม่สามารถไถ่ถอนหนี้ได้ตามกำหนด ในบทความนี้จะมาแชร์วิธีการป้องกันความเสี่ยงในการทำสัญญาขายฝาก เพื่อให้ทุกคนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและมั่นใจมากขึ้น

การทำสัญญาขายฝากคืออะไร และทำอย่างไร

   การขายฝากคือ การที่ผู้ขายฝากตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน เช่น บ้าน ที่ดิน หรือรถยนต์ ให้กับผู้รับซื้อฝาก พร้อมกับเงื่อนไขว่า ผู้ขายฝากสามารถไถ่ถอนทรัพย์สินนั้นกลับคืนได้ภายในระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเงินด่วนและต้องการหลีกเลี่ยงกระบวนการขอสินเชื่อแบบปกติที่มีความซับซ้อนมากกว่า และใช้เวลาดำเนินการนานกว่า

ขั้นตอนการทำสัญญาขายฝาก 

  1. ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน: ก่อนเริ่มทำสัญญาผู้ขายฝากควรให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินมูลค่าของทรัพย์สินที่นำมาขายฝาก เพื่อให้ได้ราคาที่เป็นธรรมและเหมาะสมกับมูลค่าตลาด
  2. เจรจาเงื่อนไข: ผู้ขายฝากต้องตกลงกับผู้รับซื้อฝากในเรื่องของวงเงินที่จะได้รับ อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย และระยะเวลาในการไถ่ถอน ซึ่งทุกเงื่อนไขเหล่านี้ต้องระบุให้ชัดเจนในสัญญา
  3. ทำสัญญาที่ถูกต้อง: การทำสัญญาขายฝากต้องทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องทางกฎหมาย โดยการลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน หรือเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ ซึ่งจะทำให้สัญญามีผลทางกฎหมายและป้องกันปัญหาภายหลัง
สัญญา-ขายฝาก

ความเสี่ยงในการทำสัญญาขายฝาก

การขายฝากมีความเสี่ยงที่ต้องระวัง ดังนี้

  • เสี่ยงต่อการสูญเสียทรัพย์สิน: หากไม่สามารถหาเงินไถ่ถอนภายในระยะเวลาที่กำหนด ทรัพย์สินจะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากทันที
  • ดอกเบี้ยสูง: อัตราดอกเบี้ยในการขายฝากอาจสูงกว่าการกู้เงินทั่วไป แม้ว่าจะมีข้อกำหนดจากกฎหมายให้อยู่ที่ 15% ต่อปี
  • เงื่อนไขซับซ้อน: บางสัญญาอาจมีข้อกำหนดซับซ้อนที่ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน เช่น ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ หรือข้อกำหนดในการไถ่ถอน

วิธีป้องกันความเสี่ยงในการทำสัญญาขายฝาก

  1. ศึกษาเงื่อนไขของสัญญาอย่างละเอียด: ควรอ่านทุกข้อกำหนดในสัญญาให้ละเอียด โดยเฉพาะเรื่องระยะเวลาไถ่ถอนและอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย หากไม่มั่นใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย
  2. เลือกผู้รับซื้อฝากที่น่าเชื่อถือ: ควรเลือกบริษัทที่มีใบอนุญาตและมีความโปร่งใส เช่น บริษัทที่มีการรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้
  3. เตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน: ให้แน่ใจว่าเอกสารที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน เช่น โฉนดที่ดินหรือเล่มทะเบียนรถ ถูกต้องและครบถ้วน เพื่อการประเมินมูลค่าและการตรวจสอบที่แม่นยำ
  4. วางแผนการเงินล่วงหน้า: ควรวางแผนการเงินเพื่อให้มั่นใจว่าคุณสามารถไถ่ถอนทรัพย์สินได้ตามกำหนด หากไม่สามารถทำได้อาจเกิดความสูญเสียได้
  5. พิจารณาทางเลือกอื่นๆ: หากคุณไม่มั่นใจในความเสี่ยงจากการขายฝาก หรือไม่ต้องการสูญเสียทรัพย์สินของคุณในกรณีที่ไม่สามารถไถ่ถอนคืนได้ทันเวลา ลองพิจารณาทางเลือกอื่นที่อาจมีความยืดหยุ่นและความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น สินเชื่อบ้านแลกเงิน หรือการรีไฟแนนซ์บ้านเช่นที่ Sabuyjai Capital เรามีบริการสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน, สินเชื่อจำนองที่ดิน, และสินเชื่อบ้านแลกเงิน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าและระยะเวลาผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นกว่า การเลือกใช้บริการเหล่านี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีหากคุณต้องการเงินสดโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการขายฝากหรือสูญเสียทรัพย์สิน

นึกถึงเงินก้อน ต้อง สบายใจแคปปิตอล

สรุป

   โดยรวมแล้ว การขายฝากอาจเป็นตัวเลือกที่มีประโยชน์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ควรพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ และวางแผนการเงินอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมในการทำสัญญาขายฝากหรือสินเชื่ออื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า ติดต่อ Sabuyjai Capital เพื่อรับคำปรึกษาฟรีและข้อมูลเพิ่มเติม